วันพุธที่ 25 สิงหาคม พ.ศ. 2553

งานกลุ่มสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจ

ตลาดเก่าอ่างศิลา

ตลาดเก่าอ่างศิลา Angsila old market อ่าง ศิลา เป็นหมู่บ้านประมงริมทะเล อยู่ห่างจากตัวเมืองชลบุรีประมาณ 5 กิโลเมตร ปัจจุบันเป็นแหล่งเพาะเลี้ยงหอยนางรมและหอยแมลงภู่ และเป็นแหล่งทำครกหิน ซึ่งริเริ่มโดยชาวจีนแต้จิ๋วซึ่งอพยพเข้ามาหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ได้นำหินเนื้อละเอียดที่มีอยู่มากมายแถบอ่างศิลามาแกะสลัก จนปัจจุบันมีผลิตภัณฑ์เป็นสินค้าของใช้ ของตกแต่งบ้าน มากมาย นอกจากนี้อ่างศิลายังเคยเป็นสถานตากอากาศชายทะเลเก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่ง มีตำหนักที่ประทับริมทะเลสมัยรัชกาลที่ 5 สถาปัตยกรรมแบบยุโรป ให้เห็นอยู่ รวมทั้งเป็นย่านร้านอาหารทะเลอร่อย ๆ หลายร้านสำหรับตลาดอ่างศิลาเริ่มก่อตั้งเมื่อปี 2419 จนถึงปัจจุบันนับเป็นเวลา 133 ปีแล้ว เทศบาลตำบลอ่างศิลา และชุมชนชาวอ่างศิลา ได้ร่วมกันพัฒนาตลาดอ่างศิลา เพื่อให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ทางประวัติศาสตร์ที่สำคัญอีกแห่ง หนึ่งของจังหวัดชลบุรี ภายใต้ชื่อโครงการ ตลาดเก่าอ่างศิลา 133 ปี โดยมีกำหนดเปิดตลาดในวันที่ 1 พฤษภาคม 2552 และทุกวันเสาร์อาทิตย์ เวลา 10.00 -18.00 น.ตั้งแต่เดือนพฤษภาคมนี้เป็นต้นไป มีชาวบ้านมาจำหน่ายสินค้าอาหาร ของฝากมากมาย อาทิ อาหารทะเลแปรรูป ขนมครกสูตรโบราณ ห่อหมก ฯลฯ




















มาดูกันดีกว่าว่าที่สะพานปลาอ่างศิลานี้มีอะไรให้ชาวหมูหิน.คอมช้อปปิ้งกันบ้าง ต้องบอกเลยค่ะว่าอาหารทะเลที่นี่ไม่ธรรมดาจริงๆ มีให้เลือกสรรมากมายไม่ว่าจะเป็น กุ้ง กั้งแก้ว ปลาหมึกกระดอง ปลาหมึกศอก หนวดปลาหมึก แถมไม่พอปลาหมึกที่นี่จะเอาเฉพาะตัวที่ไข่ก็ได้นะคะ หอยแครง หอยแมลงภู่ หอยหวาน หอยนางรมที่แกะแล้ว พร้อมเครื่องครบชุด สะดวกกินมากๆมีน้ำจิ้มซีฟู้ดแยกขายด้วยค่ะ ปูม้า ปลานานาชนิด ไม่ว่าจะเป็นปลาซาบะ ปลาทู ปลากระพง ปลาอินทรีย์ ที่แปลกๆก็มีปลากระเบนแล้วก็ปลาฉลามทราย ที่ไม่กินเนื้อ แถมไม่กัดคนอีกต่างหากค่ะ ซื้อของทะเลเสร็จแล้ว กลัวไม่สด ที่สะพานปลาอ่างศิลาก็มีบริการกล่องโฟม+น้ำแข็งขาย อำนวยความสะดวกให้ด้วย เพื่อให้อาหารทะเลคงความสดจนถึงจุดหมายปลายทาง
















วิหารเทพสถิตพระกิติเฉลิมอำเภอเมือง จ.ชลบุรี
วิหารหรือศาลเจ้าหน่าจาซาไท้จื้อ เป็นศาลเจ้าจีนที่ก่อสร้างอย่างสวยงามใหญ่โต ตั้งอยู่ริมเส้นทางเลียบชายทะเลจากอ่างศิลาไปเขาสามมุข มีตึก 4ชั้น ภายในโอ่โถงตระการตาด้วยสถาปัตยกรรมแบบจีน จุดเด่นด้านศิลปวัตถุที่สำคัญ ได้แก่ รูปปั้นมังกรซึ่งมีมาถึง 2,840ตัว กระถางธูปศักดิ์สิทธิ์ เสาฟ้าดิน นอกจากนี้ยังเป็นสถานที่ที่มีองค์ไท้ส่วยเอี้ย (ดาวเทพคุ้มครองดวงชะตาประจำปีเกิดของมวลมนุษย์) ครบ 60 องค์ ให้ผู้มาเยือนได้ขอพรได้ตรงตามปีเกิด

ประวัติศาลเจ้าหน่าจาซาไท้จื้อ
เดิมเป็นศาลเจ้าขนาดเล็ก สร้างขึ้นโดยอาจารย์สมชาย เฉยศิริ เมื่อปี 2534ต่อมาศิษยานุศิษย์ พ่อค้า ประชาชนที่เลื่อมใสในองค์เทพเจ้าหน่าซาไท้จื้อ ได้ร่วมบริจาคสร้างศาลเจ้าขึ้นใหม่ ในวโรกาสเฉลิมพระเกียรติครบรอบ 72 พรรษาของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เมื่อวันที่ 11 มกราคม 2541 สมเด็จพระสังฆราชฯ เสด็จมาเป็นประธานพิธีเททองหล่อพระพุทธ 7 องค์ และพระราชทานนามศาลเจ้าแห่งนี้ว่า "วิหารเทพสถิตพระกิติเฉลิม" ซึ่งหมายความว่า ที่สถิตของทวยเทพเจ้าทั้งหลาย ปัจจุบัน ประกอบด้วยอาคารหลัก 3 หลัง หอฟ้าดิน 1 หลัง บนเนื้อที่ 13 ไร่ ติดต่อสอบถามรายละเอียด โทร. 0 3839 8381-4, 0 3839 8399




เมื่อวันที่ 11 มกราคม 2541 สมเด็จพระสังฆราชฯ เสด็จมาเป็นประธานพิธีเททองหล่อพระพุทธ 7 พระองค์ และทรงประทานพระบรมสารีริกธาติสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า 9 พระองค์ให้แก่ คณะกรรมการมูลนิธิธรรมรัศมี มณีรัตน์ เพื่อทำพิธีบรรจุ และได้รับเกียรติจาก ฯพณฯท่าน ม.ร.ว.อดุลกิติ์ กิติยากร เป็นประธานในพิธีบรรจุพระบรม สารีริกธาตุสมเด็จพระสังฆราชฯ ได้พระราชทานนามวิหารแห่งนี้ว่า "วิหารเทพสถิตพระกิติเฉลิม" มีความหมายว่า เป็นที่สถิตของทวยเทพเจ้าทั้งหลายเป็นสถาปัตยกรรมจีนที่มีความสวยงามมากแห่งหนึ่งในย่างตะวันออกเลยทีเดียว จะเห็นได้ว่าตัวอาคารมีมังกรพันเสาอยู่ทุกต้นตัวอาคารเป็นอาคาร 4 ชั้นชั้นที่ 1

เป็นที่ประดิษฐานของพระกษิติครรภโพธิสัตว์ นอกจากนี้ยังมีองค์ดวงเทพพระเคราะห์ (องค์ไท้ส่วย) ทั้งหมด 60 องค์ และยังเป็นที่ทำการของมูลนิธิธรรมรัศมีมณีรัตน์อีกด้วย
ชั้นที่ 2
เป็นที่ประดิษฐานขององค์เทพเจ้าหน่าจาซาไท้จื้อ ทั้ง 3ปางที่จำลองมาจากมณฑลเสฉวนจากประเทศจีนซึ่งเป็นศาลเจ้าแรกขององค์เทพเจ้าหน่าจาซาไท้จื้อ ที่ท่านแม่ขององค์เทพเจ้าหน่าจาเป็นผู้สร้างให้ ในชั้นนี้มีรูปปั้นมหาโพธิสัตว์กวนอิมหรือพระอวโลกิเตศวร อีกหลายปาง
ชั้นที่ 3
เป็นที่ประดิษฐานขององค์เง็กเซียนฮ่องเต้ ที่เรารู้จักกันดีว่าท่านเป็นผู้เป็นใหญ่แห่งสวรรค์ ข้าราชการนิยมมากราบไหว้เพื่อมาขอพรท่านให้ได้เลื่อนตำแหน่งในหน้าที่การงาน และยังมีองค์เทพเจ้าที่ชาวจีนให้ความเคารพอีกมาก มาย
ชั้นที่ 4
เป็นชั้นที่สูงสุด เป็นที่ประดิษฐานรูปปั้นองค์ประธานหรือองค์พระศรีอริยเมตตรัย และองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าอีก 5 พระองค์ที่ตั้งอยู่ 5 ทิศ และองค์สมเด็จพระอนุตรธรรมมารดา ผู้ให้กำเนิดแก่จักรวางทั้งปวงเป็นผู้ให้ กำเนิดสรรพชีวิตทั้งหลายในโลกนี้ บุคคลท่านใดไม่มีบุตร นิยมมากราบไหว้ขอพรท่านให้ได้บุตรก็จะสมหวังดังที่ขอไว้ได้บุตรมีสติปัญญาที่ดี และมีสุขภาพแข็งแรง